หลายๆคนคงคุ้นหูกับคำว่า Smart Office กันมานานแล้ว และในตอนนี้ก็เป็นยุคของการใช้เทคโนโลยี Smart Office อย่างเต็มตัวแล้ว แต่จริงๆแล้วคำนี้มีความหมายว่าอย่างไร และอะไรบ้างที่จะช่วยทำให้ออฟฟิศกลายมาเป็นออฟฟิศอัจฉริยะ รวมถึงมีประโยชน์อะไรบ้าง มาพบกับคำตอบได้ในบทความนี้ได้เลยครับNote : สำหรับองค์กรที่สนใจ Transform Office ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่ Exzy Smart Office  Table of Contents SMART OFFICE คืออะไร? Smart Office คือ ออฟฟิศที่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาหรือปรับปรุงพื้นที่โดยรวมช่วยแก้ปัญหาต่างๆในพื้นที่ทำงาน หรือลดขั้นตอนต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้ดีและเร็วมากยิ่งขึ้น โดยการจะทำ Smart Office ให้ประสบความสำเร็จนั้นจะต้องคำถึง 3 ปัจจัย ดังนี้People : พนักงานในองค์กรจะต้องมีความพร้อมในการเปลี่ยนแปลงต่อเทคโนโลยีและรูปแบบการทำงานใหม่ๆ เช่น Activity-based...

ปัจจุบันหลายองค์กรให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีออฟฟิศอัจฉริยะ (Smart Office) มากยิ่งขึ้นเพื่อตอบรับกระแสในยุคดิจิตอล ประกอบกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้เรื่องของ Workplace เป็นเรื่องที่สำคัญควรให้ความสำคัญและวางแผนรับมือไว้เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ โดยแนวทางที่หลายองค์กรปรับใช้คือการนำเทคโนโลยีต่างๆเพื่อเข้ามาบริหารจัดการในพื้นที่บริเวณต่างๆ อย่างเช่น ห้องประชุม พื้นที่ทำงานส่วนกลาง (Hot Desk Booking) รวมไปถึงการนำเซนเซอร์ต่างๆเข้ามาใช้ เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเลือกระบบที่เข้ามาใช้ที่ตอบโจทย์ตั้งแต่ระดับพนักงานที่ต้องสามารถทำการจองได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องรวมศูนย์ไปที่คนหรือแผนกใดแผนกหนึ่งอีกต่อไป ไปถึงระดับผู้บริหารที่ต้องการข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเชิงลึกในเรื่องของ Workplace เพื่อมาใช้ประกอบการตัดสินใจ วันนี้เราจึงอยากชวนทุกคนมาพบกับ 4 เทคโนโลยี Smart Office ที่เราแนะนำว่าทุกออฟฟิศควรมีเพื่อตอบโจทย์กับสถานการณ์ในปัจจุบันและในอนาคต Table of Contents 1. ระบบบริหารจัดการพื้นที่ทำงานส่วนกลาง (WORKPLACE MANAGEMENT SYSTEM) ระบบบริหารจัดการพื้นที่ทำงานส่วนกลางถูกนำมาใช้มากยิ่งขึ้นเพื่อตอบโจทย์แนวโน้มการทำงานที่เปลี่ยนไปอย่างเช่น Agile...

การเติบโตในด้านธุรกิจเป็นเป้าหมายหลักของธุรกิจแทบทุกประเภท ซึ่งการเติบโตที่ว่านี้ ส่งผลให้หลายองค์กรต้องเริ่มพิจารณาแล้วว่าจะอยู่ที่เดิมหรือว่าจะย้ายออฟฟิศไปสถานที่แห่งใหม่ที่ดีกว่าและตรงกับความต้องการที่มากกว่า เพื่อรองรับปริมาณหรือจำนวนคนที่มากขึ้น“Satellite Office” เป็นรูปแบบของออฟฟิศที่มีความคล่องตัวสูง จากเดิมการย้ายสำนักงานใหญ่นั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงและมีขั้นตอนที่ซับซ้อนยุ่งยากมากมาย ซึ่ง Satellite Office เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น เพราะสามารถช่วยให้ บริษัท ของคุณขยายตัวได้โดยไม่ต้องย้ายสำนักงานใหญ่ในปัจจุบันซึ่งปัจจุบันเรื่องของสถานที่ตั้งทำเลออฟฟิศไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป เพราะมีประเด็นหลายอย่างที่ต้องพิจารณาไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่าย ความสะดวกสบาย และในมุมของธุรกิจ เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่มีการปรับเปลี่ยนได้อยู่บ่อยครั้งเมื่อบริษัทมีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆบทความนี้จึงอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับความหมาย รวมถึงข้อดีๆต่างของการนำมาใช้ Satellite Office กันครับ Table of Contents SATELLITE OFFICE คืออะไร Satellite Office คือ ออฟฟิศสำนักงานสาขาย่อย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานใหญ่ที่อยู่ในอาคารที่แยกออกจากสำนักงานใหญ่ โดยตำแหน่งที่ตั้งจะไม่ไกลจากสำนักงานใหญ่มากนักซึ่งไม่ว่าบริษัทของคุณจะเล็กหรือเป็นระดับองค์กรขนาดใหญ่ เมื่อลักษณะการทำงานไม่ได้ถูกจำกัดที่จะต้องอยู่ในสำนักงานใหญ่อีกต่อไป ประกอบกับเทคโนโลยีที่เข้ามามีผลมากขึ้นทำให้คุณสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในที่ที่เดียวอีกต่อไป 5 ข้อดีของการมี...

ในปัจจุบัน หลายๆองค์กรหันมาให้ความสำคัญเรื่องของ Workplace Technology เป็นอย่างมาก รวมถึงการกำหนด Workplace Strategy การทดลองสิ่งๆใหม่ รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้มากยิ่งขึ้น เพื่อปรับตัวให้สอดคล้องกับ Next Normal ความปกติครั้งใหม่ จาก COVID-19การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงให้ออฟฟิศมีความทันสมัยเป็น Smart Workplace นอกจากจะช่วยเพิ่ม Productivity ในการทำงานยังช่วยให้องค์กรสามารถใช้พื้นที่ออฟฟิศที่มีอยู่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกด้วยการมีเทคโนโลยีระบบบริหารพื้นที่ทำงานที่ครบวงจรจะช่วยทำให้คุณสามารถจัดการพื้นที่ทำงานของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกๆ Touchpoints ตั้งแต่บริเวณทางเข้า ห้องประชุม จนถึงโต๊ะทำงานบทความนี้ เราจึงอยากนำเสนอ 5 เหตุผลหรือมุมมองต่างๆที่ เราอยากแนะนำให้คุณเริ่มลงทุนในเรื่องของเทคโนโลยีในออฟฟิศในปี  2020 กันครับ Table of Contents 1. ความคุ้มค่าทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การลงทุนในการนำเทคโนโลยี Smart Workplace ต่างๆเข้ามาใช้ ไม่เพียงแต่เห็นผลในระยะสั้นและระยะยาวในเชิงของตัวเลขเพียงอย่างเดียว ในส่วนของ...

ไม่ง่ายเลยที่จะพูดเรื่องยากๆให้คนที่เข้าร่วมประชุมสนใจเราตลอดเวลา โดยเฉพาะการประชุมในช่วงบ่ายด้วยแล้ว การนั่งฟังวาระการประชุมสุดเครียดเป็นเวลานานๆก็อาจจะทำให้ผู้ฟังหลายๆท่านเกิดอาการง่วงจนเผลอหลับไป ผู้พูดที่เห็นผู้ฟังหลับไปคงจะเกิดความรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นัก วันนี้ Meet in touch มีทริคดีๆที่ช่วยให้ผู้ฟังของคุณไม่ง่วงจบหลับมาฝากกัน จะมีอะไรบ้างติดตามได้ในบทความนี้  Table of Contents 1.ไม่พูดด้วยน้ำเสียงนึ่งเรียบ Mono Tone นี่คือสิ่งแรกที่ทำให้ผู้ฟังละความสนใจไปจากผู้พูด เพราะการใช้เสียงโทนเดียวหรือโมโนโทนเป็นการพูดที่ราบเรียบจนเกินไป ควรใช้เสียงที่มีไดนามิคเล็กน้อย เน้นจุดสำคัญๆ วิธีที่จะช่วยให้ผู้พูดมีไดนามิคในการใช้เสียงก็คือการฝึกพูดจนสามารถลำดับเรื่องราวที่จะพูดได้อย่างแม่นยำ หลังจากนั้นจึงมาโฟกัสในเรื่องของการใช้เสียงให้น่าฟังและน่าสนใจมากยิ่งขึ้นที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่าหากผู้พูดยังไม่มีความเข้าใจและแม่นยำในเนื้อหาที่จะพูด จะทำให้ผู้พูดไม่สามารถให้ความสำคัญกับการใช้เสียงได้เลย เพราะมัวแต่กังวลกับสิ่งที่จะพูดมากกว่าจะพูดอย่างไรให้น่าสนใจ  2.พูดคนเดียว การพูดคนเดียว เสียงเดียว ไปเรื่อยๆ ทำให้ผู้ฟังรู้สึกชิน ยิ่งถ้าหากผู้พูดพูดด้วยเสียงนิ่งเรียบแบบโมโนโทนด้วยแล้ว รับรองเลยว่า ต้องมีแอบงีบหลับกันบ้างไม่มากก็น้อยอย่าลืมที่จะให้ผู้ฟังเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอของคุณ เช่น การถามคำถามเพื่อให้ผู้ฟังตอบ การที่ผู้ฟังได้ยินเสียงที่แตกต่างกันออกไปจะทำให้รู้สึกแปลกใหม่ และไม่น่าเบื่อ นอกจากจะไม่ง่วงแล้วยังช่วยให้ผู้ฟังสนใจและอยากติดตามการนำเสนอของเราเพิ่มขึ้นอีกด้วย 3.พูดเร็วจนเกินไป ถึงแม้ว่าคุณจะพูดเสียงดังฟังชัด แต่ถ้าหากพูดเร็วเกินไปจนผู้ฟังตามไม่ทัน...

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการทำงานในทุกวันนี้ จะต้องมีเรื่องของการประชุมเข้ามาเกี่ยวข้องในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ก็ตาม ห้องประชุมจึงเป็นส่วนสำคัญของบริษัทที่จะต้องให้ความใส่ใจตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบจนถึงการเลือกสรรเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์เพื่อนำมาใช้สำหรับห้องประชุม นอกจากการประชุมในทีมหรือผู้บริหารระดับสูงแล้ว ยังมีการประชุมร่วมกับบุคคลภายนอกอยู่เป็นประจำ ห้องประชุมจึงถือเป็นหน้าเป็นตา บ่งบอกบุคลิกของบริษัทคุณ ดังนั้นหากคุณต้องการให้บริษัทดูมีความเป็น Professional มากขึ้น วันนี้ เราจึงได้รวบรวม 10 อุปกรณ์ที่ต้องมีสำหรับห้องประชุม เพิ่มเป็นความมืออาชีพให้กับบริษัทของคุณมาฝากกัน หวังว่าบทความเรื่องนี้จะช่วยเพิ่มความเป็นมืออาชีพให้กับห้องประชุมและองค์กรของคุณได้ไม่มากก็น้อย 10 อุปกรณ์ที่ว่าจะมีอะไรบ้างไปติดตามกันเลย Table of Contents 1. โปรเจคเตอร์สำหรับห้องประชุม การประชุมส่วนใหญ่แล้วจะใช้สื่อในการนำเสนอ เพื่อพรีเซนต์แนวคิดหรือผลงานในแต่ละโครงการ ทั้งภาพนิ่ง วีดีโอภาพเคลื่อนไหว หรือ PowerPoint ซึ่งเป็นสื่อที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เข้าร่วมประชุม ห้องประชุมที่ดูมืออาชีพจะขาดโปรเจคเตอร์ไปไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นแบบติดตั้งถาวรกับเพดานห้อง หรือแบบเคลื่อนย้ายได้ 2. จอโปรเจคเตอร์ เมื่อมีโปรเจคเตอร์แล้ว ก็จำเป็นต้องมีจอโปรเจคเตอร์รองรับภาพจากเครื่องโปรเจคเตอร์เพื่อให้มองเห็นภาพ ตัวอักษรและสื่อต่างๆ...

Table of Contents 1. สำรวจความต้องการของลูกค้า แน่นอน อยู่แล้วว่าเราต้องการให้ลูกค้าของเราสบายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คุณต้องการที่จะให้ลูกค้าของคุณมีพื้นที่ที่สามารถขยับตัวหรือเดินไปรอบๆได้ ในขณะเดียวกันคุณก็ต้องห้องประชุมที่เล็กพอที่จะที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าปลอดภัยเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มดังนั้นเริ่มจากจดตัวเลขก่อนเลย โดยการประมาณจำนวนคนเข้าประชุมคร่าวๆ วัดขนาดของห้อง ขนาดของโต๊ะได้สัดส่วนกับขนาดของห้อง ตรวจสอบว่าเก้าอี้ที่ลูกค้านั่ง ว่าเป็น ergonomic และสามารถปรับระดับได้หรือไม่ 2. เลือกรูปร่างของโต๊ะที่เหมาะสม ในการจัดโต๊ะ มีรูปแบบการจัดมากมายให้คุณเลือก ยกตัวอย่างเช่น การจัดโต๊ะแบบรูปตัว U จะทำให้ทุกคนสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้พูด ในขณะเดียวกันผู้พูดก็มีปฏิสัมพันธ์ไปถึงผู้ฟังเช่นเดียวกัน ในขณะที่ รูปแบบของโรงหนังหรือห้องเรียนจะเหมาะกับการจุคนเยอะๆมากกว่า ฉะนั้น จงตรวจสอบ ข้อดีและข้อเสีย ของแต่ละแบบให้ดี ก่อนที่ทำการลงมือจัดห้อง 3. เลือกห้องที่ถูกต้อง สิ่งที่ดีที่สุดคือ ห้องควรจะต้องอยู่ในที่ที่มีการรบกวนน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ยกตัวอย่างเช่น พื้นที่ที่ใกล้กับห้องของ CEO เป็นต้น...